วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การดูแลฟันสมัยใหม่

การดูแลฟันสมัยใหม่
การผ่าตัดถอนฟันคุด
                                          
  • ขั้นตอนการตรวจวินิจฉัยและวิเคราะห์โรค
    • ทันตแพทย์จะทำการตรวจในช่องปากและพิจารณาถึงความจำเป็นในการถอนฟัน
    • ในบางกรณีการถ่ายเอ๊กซเรย์อาจมีความจำเป็นเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาซึ่งสามารถบอกสภาพฟัน รากฟันและกระดูกรองรับฟันได้
    • ทันตแพทย์จะทำการจดบันทึกข้อมูลและประวัติด้านสุขภาพของผู้ป่วย ซึ่งผู้ป่วยควรให้ข้อมูลด้านสุขภาพของตนที่ถูกต้องและครบถ้วน โดยเฉพาะปัญหาที่เคยเกิดขึ้นเมื่อได้รับการถอนฟัน ปัญหาการหยุดไหลของเลือด ปัญหาสุขภาพเช่นโรคตับ และโรคเบาหวาน และการแพ้อาหารและยาประเภทต่างๆ เป็นต้น
  • การเตรียมบริเวณที่จะทำการผ่าตัด
    • ทันตแพทย์จะทำการฉีดยาชาบริเวณที่จะทำการผ่าตัด
  • ขั้นตอนการผ่าตัด
    • การผ่าตัดเปิดเหงือก
    • การถอนฟันคุดออก
    • การเย็บปิดปากแผล
  • ทันตแพทย์จะให้คำแนะนำและข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการดูแลรักษาหลังการถอนฟัน
         หลัง การผ่าตัดถอนฟันคุด ผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้ทันที เลือดจะหยุดไหลภายในเวลาสั้นๆ และแผลจะสามารถสมานตัวได้เอง แต่การดูแลรักษาความสะอาดยังคงมีความสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการอักเสบติดเชื้อ บริเวณแผลได้ และควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องออกแรงมากๆ หรือการอยู่กลางแจ้ง อาการที่เกิดขึ้นได้และถือว่าปกติคือ
  • อาการ บวมของใบหน้าข้างที่ทำการผ่าตัดเหมือนการผ่าตัดทั่วไปที่อาจมีการบวมอยู่ ประมาณ 2-3 วัน
  • อาการปวดแผลผ่าตัด ซึ่งต้องทานยาแก้ปวดเช่นเดียวกับการถอนฟันตามปกติ
  • บริเวณแก้มอาจมีสีเหลือง เขียว ซึ่งจะหายไปในที่สุด
  • บริหารขากรรไกรโดยให้อ้าปากให้กว้างๆสม่ำเสมอหลังผ่าฟันคุด
ข้อควรปฏิบัติหลังการผ่าตัดฟันคุดมีดังนี้
  • ประคบด้วยถุงเย็นประมาณ 30 นาทีทันทีหลังการผ่าตัด
  • ควรกัดผ้าก๊อซแน่นๆประมาณ 30 นาที เพื่อห้ามเลือด และควรเปลี่ยนผ้าชิ้นใหม่หลังจากนั้นจนกว่าเลือดจะหยุดไหล
  • ไม่ควรใช้น้ำยาบ้วนปากภายใน 6 ชั่วโมงหลังการถอนฟัน
  • ในกรณีที่มีเลือดออกเล็กน้อย ควรทำการอมน้ำเกลือเย็นๆไว้สักครู่
  • ไม่ควรบ้วนน้ำภายใน 12 ชั่วโมงหลังการถอน
  • สามารถบ้วนปากได้ด้วยน้ำเกลือ ( เกลือ 1 ช้อนชา + น้ำอุ่น 1 แก้ว) 12 ชั่วโมงหลังการถอนฟัน
  • สามารถแปรงฟันได้ตามปกติแต่ควรให้ความระมัดระวังบริเวณแผล
  • ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ เย็นๆ และรสไม่จัดในช่วง 2 – 3 วันแรก
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • อาการปวดหลังการถอนสามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวดที่สั่งโดยทันตแพทย์
อาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นคือ
  1. อาการติดเชื้อหลังผ่าตัด จะพบว่าบางครั้งหมอฟันจะให้ยาแก้อักเสบหลังผ่าตัดเสร็จแล้วด้วย
  2. แพ้ยา แก้ปวด,แก้อักเสบ หรือลดบวม ต้องรีบพบทันตแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาทันที
  3. เลือด ออกมาก ซึ่งคงต้องดูเป็นกรณีไปเช่น มีการติดเชื้อมากก่อนทำ หรือฟันคุดอยู่ใกล้เส้นเลือด หรือแผลอาจฉีกขาดเป็นต้น
  4. อาการชาริมฝีปาก หลังผ่าตัด เพราะฟันคุดอยู่ใกล้หรือเกี่ยวอยู่กับเส้นประสาทที่มาเลี้ยงฟัน
ผลเสียของการเก็บฟันคุดไว้คือ
  1. อาจเกิดการติดเชื้อแบบฉับพลัน หรือติดเชื้อแบบเรื้อรัง เป็นๆหาย
  2. ฟันคุดถ้าฝังอยู่ในขากรรไกรมักมีถุงหุ้มฟันอยู่ ซึ่งอาจพัฒนาไปเป็นถุงน้ำได้
  3.  ปวดฟัน
  4. ฟันซี่ที่ติดกับฟันคุดจะผุและอาจเสียหายไปด้วย เพราะฟันคุดเอียงมาชนทำให้ยากต่อการทำความสะอาด


  5. เป็นจุดอ่อนของขากรรไกรกรณีได้รับอุบัติเหตุ
                                   
                                                         อ้างอิงจาก www.youtube.com

การดูแลฟันให้ขาวสวย

การดูแลฟันอย่างไรให้ขาวสวย

ถ้าจะพูดถึงการเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองนั้นคงไม่พ้น การดูแล รูปร่างหน้าตา และที่สำคัญที่ต้องไม่ลืม คือการดูแลใส่ใจ สุขภาพปากและฟัน การที่มีฟันขาวสดใส ลมปากสดชื่น นี่แหละที่จะเพิ่มความมั่นใจให้คุณได้ยิ้มกว้าง และสร้างความประทับใจให้กับคนรอบข้างที่ได้เห็นด้วยคะ วันนี้มีเคล็ดลับง่ายๆ เพื่อให้ฟันดูขาวสดใส มาฝากกันคะ     
       1.การแปรงฟันคือวิธีที่ถูกที่สุดในการทำให้ฟันของคุณขาวสดใส วิธีที่แนะนำ คือการแปรงฟันให้สะอาดและทั่วถึง ร่วมกับการใช้แปรงสีฟันที่เหมาะสม ใช้ยาสีฟันที่มีส่วนช่วยในการลดคราบพลัค และแบคทีเรีย และไปพบทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อขูดหินปูนและขัดฟัน ซึ่งการขัดฟันจะไม่ทำให้ฟันบางลง แต่ถ้าเกิดการมีฟันผุก็จัดการให้เรียบร้อย สำหรับฟันหน้าทันตแพทย์จะกรอส่วนที่ผุ มีสีดำ หรือสีเหลืองออก แล้วอุดด้วยวัสดุที่มีสีเหมือนฟัน เท่านี้ ฟันก็จะมีสีขาวสะอาดได้เหมือนปกติ การแปรงฟันที่ถูกต้องและใช้ยาสีฟันที่มีประสิทธิภาพสูงนั้น จะช่วยให้คุณมีฟันขาวสดใส ได้ง่ายๆ ใช้เวลาน้อย และประหยัดด้วยนะคะ
     
       2.การฟอกสีฟัน ถ้าการแปรงฟันไม่ทำให้ฟันขาวได้ดังใจ คุณอาจอยากลองฟอกสีฟันดูบ้างก็ได้ การฟอกสีฟันมีขั้นตอนการทำคือ ทาน้ำยาบริเวณเหงือกเพื่อป้องกันสวนที่อ่อนโยน หลังจากนั้นจึงทาน้ำยาฟอกทีฟัน แล้วกระตุ้นการทำงานด้วยแสงเลเซอร์ หรืออาจจะเป็นแสงสีฟ้า (Blue Light) หรือไม่ก็แสงเย็น (Cold Light) ซึ่งขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่คลินิก และดุลยพินิจของทันตแพทย์ด้วย การฟอกสีฟันช่วยในการขจัดคราบชา กาแฟและบุหรี่ได้อยู่หมัดเลยค่ะ
     
       3.เลือกลิปสติกให้เป็นลิปสติกบางเฉดก็ทำให้ฟันของคุณดูเหลืองมากขึ้น เช่น สีน้ำตาล หรือสีที่มีสีเหลืองเป็นตัวยืนอย่างพีช คอรัล หรือแดงส้ม ถ้าคุณมองหาเฉดสีแดง ให้ลองใช้สีแดงน้ำเงิน หรืออาจใช้เฉดชมพูอ่อนก็ได้ อย่าลืมใช้ลิปกลอสเพื่อให้ยิ้มของคุณสดใสยิ่งขึ้น
     
       ได้เคล็ดลับดีๆ แล้ว...ก็อย่าลืมนำไปใช้กันนะคะ ที่สำคัญการแปรงฟันที่ถูกต้องและใช้ยาสีฟันที่มีประสิทธิภาพสูงนั้น จะช่วยให้คุณ ได้โชว์ยิ้มสดใส ฟันขาวสวย ได้อย่างมั่นใจทุกวัน การแปรงฟันใช้เวลาน้อย ง่าย และประหยัดด้วยนะคะ



ที่มา :
http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9500000135195https://www.google.co.th/#hl=th&gs_nf=1&tok=PqM4fAtIB-zqIlZ5YGJVgg&pq=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%94&cp=10&gs_id=e&xhr=t&q=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99&pf=p&sclient=psy-ab&oq=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%9F%E0%B8%B1%E0%B8%99&gs_l=&pbx=1&bav=on.2,or.r_gc.r_pw.r_cp.r_qf.&fp=6a4e67fabace72ac&biw=1024&bih=388&bs=1

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กลิ่นปาก - คุณมีปัญหานี้อยู่หรือไม่?

กลิ่นปาก - คุณมีปัญหานี้อยู่หรือไม่?



          ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้ใส่ใจในความจริงที่ว่า ตนเองกำลังมีกลิ่นปาก หรือ "ลมหายใจมีกลิ่น" ตามที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านทันตกรรม อ้างอิงถึงในเรื่องนี้เอาไว้ โดยแท้จริงแล้ว หนึ่งในสี่ของคนเรามีกลิ่นปากและงานวิจัยบางอย่าง ได้รายงานไว้ว่า ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของประชากรวัยผู้ใหญ่ต่างก็มีกลิ่นปาก  
    (1) ในความเป็นจริงแล้ว มีการประมาณการไว้ในสหรัฐอเมริกาเกือบ 60 ล้านคนจะมีปัญหาในเรื่องลมหายใจมีกลิ่นเรื้อรัง
    (2)อาหารบางอย่าง สภาวะทางสุขภาพและอุปนิสัย จัดอยู่ในกลุ่มสาเหตุของการมีกลิ่นปาก ในหลายกรณีที่เราสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องกลิ่นปากได้ด้วยสุขอนามัยทางช่องปากที่ดี หากเทคนิคดูแลรักษาด้วยตนเองแบบง่าย ๆ ไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ คุณอาจต้องไปพบทันแพทย์เพื่อยับยั้งไม่ให้เกิด ปัญหาที่ร้ายแรงในเรื่องการมีกลิ่นปากขึ้นได้
สาเหตุของกลิ่นปาก

    กลิ่นปากสามารถเกิดขึ้นได้จากทั้งปัจจัยภายนอกและปัจจัยภายใน ปัจจัยภายนอกอาจเป็นเรื่องของประเภทอาหารที่เรา รับประทานเข้าไป เช่น อาหารที่มีรสเผ็ดหรือมีกลิ่นตามธรรมชาติ (เครื่องเทศบางอย่างที่ใช้ในการประกอบอาหาร เช่น กระเทียม หัวหอม หรือแม้แต่ปลาทูน่าและทาโก) หากคุณคิดว่ากลิ่นปากของคุณเกี่ยวข้องกับอาหารที่ คุณบริโภค ให้ลองบันทึกอาหารที่คุณรับประทานเพื่อระบุว่าเป็น เพราะเหตุผลนี้หรือไม่ ผู้ที่สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็สามารถมี กลิ่นปากได้เช่นกัน

ปัจจัยภายในรวมถึงปัจจัยทางช่องปากที่สามารถมีผลต่อร่างกายอย่างเป็นระบบ ลิ้นก็เป็นส่วนที่แบคทีเรียต่าง ๆ เกาะตัวและเติบโตขึ้นได้เช่นเดียวกัน ส่วนใหญ่แบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นจะผลิตสารที่ก่อ ให้เกิดกลิ่นที่เรียกว่าเป็นสารระเหย (VSCs) โดยสาร VSC เบื้องต้นที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก คือ ไฮโดรเจนซัลไฟด์และเมธิลเมอร์แคบแทน แบคทีเรียที่ทำให้เกิดกลิ่นปากส่วนใหญ่อยู่ที่บริเวณ ส่วนโคนลิ้น

สาเหตุอื่น ๆ ของกลิ่นปากอาจได้แก่สาเหตุต่างๆ ดังต่อไปนี้(3):
  • ปัญหาในเรื่องช่องปากและฟัน (อนามัยทางช่องปากที่ไม่ดีพอ โรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์)
  • Dentures (plaque and food can develop on dentures)
  • ปากคอแห้ง (ไม่มีการหลั่งน้ำลาย)
  • ปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องช่องปาก จมูกและช่องคอ (หากติดเชื้อที่ไซนัสหรือช่องคอและ ทอนซิลอักเสบแบบไม่แสดงอาการ)
  • โรคที่เกี่ยวกับระบบการทำงานของร่างกาย ต่างๆ (โรคเบาหวาน การติดเชื้อหรือเป็นฝีที่ปอด ตับหรือไตวาย ความเจ็บป่วยในระบบทางเดินอาหารต่างๆ)
  • ผู้ป่วยที่ควบคุมอาหารเป็นประจำ
กรุณาพบผู้เชี่ยวชาญทางด้านทันตกรรมเพื่อทำการ นัดพบทันตแพทย์ในการตรวจหาสาเหตุที่มีกลิ่นปาก และทำความสะอาดช่องปากของคุณให้สะอาดอย่าง ต่อเนื่องด้วย 585;ารใช้ยาสีฟันที่มีส่วนประกอบของ ฟลูออไรด์และช่วยในการป้องกันแบคทีเรีย จัดฟันด้วยไหมขัดฟันทุกวัน และทำความสะอาดลิ้นด้วยแปรงหรือเครื่องขูดลิ้น
© ลิขสิทธิ์ 2011 Colgate-Palmolive Company

ข้อมูลอ้างอิงจาก www.yuotube.com
แหล่งอ้างอิง 1. American Dental Association, Council on Scientific Affairs: Association report: Oral Malodor, J Am Dent Asso 134:209-214, 2003.
2. The American Breath Specialists. Causes and Treatment of Bad Breath. ทบทวนอ่านข้อมูลได้ที่
www.breath-care.com
3. Bad Breath, Mayo Clinic, ทบทวนอ่านข้อมูลได้ที่
www.mayoclinic.comhttp://www.colgate.co.th/app/CP/TH/TH/OC/Information/Popular-Topics/Bad-Breath.cvsp